เติร์กเมนิสถานเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรต่างๆ โดยเฉพาะที่บริเวณรอบทะเลสาบ
แคสเปียนนั้น อุดมไปด้วยน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งรัฐบาลเติร์กเมนิสถาน ได้มีความพยายามที่
จะสร้างท่อส่งก๊าซไปยังตุรกี แต่บริษัทของอเมริกาไม่พอใจ เพราะต้องผ่านอิหร่านก่อน
วิถีชีวิต และวัฒนธรรม
นับถือศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ ชาวเติร์กเมนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย
ในสภาพภูมิประเทศที่แห้งแล้ง เป็นชนชาติที่ไม่ชอบความรุนแรง และยังคงยึดถือธรรมเนียม
ประเพณีดั้งเดิม ซึ่งเป็นลักษณะวัฒนธรรมเฉพาะกลุ่ม
การแต่งกาย
ชาวเติร์กเมนยังคงรักษาการแต่งกายตั้งเดิมเอาไว้คือ ผุ้ชายสวมกางเกงขายาวหลวมๆ
สีน้ำเงิน สวมร้องเท้าบูททับขากางเกง สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ทับด้วยเสื้อคลุมไหมสีแดงมีแถบสีทอง
สวมหมวกขนสัตว์ ชุดผู้หญิงเป็นกระโปรงยาวคลุมข้อเท้าสีแดง ประดับด้วยแผ่นเงิน หรือโลหะสวม
กางเกงขายาวด้านใน ผูกผมไว้ด้านหลัง และคลุมศีรษะด้วยผ้า
อาหาร
Manti
Chorek
อาหารพื้นเมืองที่น่าสนใจของชาวเติร์ก คือ Manti เป็นแป้งสอดใส่ด้วยเนื้อบดผสมหัวหอมและ
ฟักทอง แล้วนำไปนึ่ง ส่วนขนมปังที่บริโภคกันอย่างแพร่หลาย คือ Chorek ซึ่งเป็น ขนมปังอบใน
โอ่ง (อบโดยแปะไว้ในโอ่ง ที่เป็นเตา) ส่วนเครื่องดื่มที่ขึ้นชื่อ คือ นมอูฐหมัก หรือ Chal โดยจะมีรส
ชาติ ออกเปรี้ยว ซึ่งเครื่องดื่มชนิดนี้นอกจากเป็นที่นิยมของชาวเติร์กแล้ว ยังเป็นที่ชื่นชอบของชาว
คาซัคด้วยเช่นกันนอกจากนั้น ชาวเติร์กนิยมดื่มชาเขียว และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์ เช่น วอดก้า
เนื่องจากหาได้ทั่วไปและมีราคาถูก
ที่อยู่อาศัย
ชาวเติร์กเมนใช้ชีวิตเรียบง่านในกระโจมที่ทำด้วยโครงไม้ คลุมด้วยต้นกก ต้นอ้อ และสักหลาด
โดยมีพรมเพียงไม่กี่ผืนเป็นเฟอร์นิเจอร์ พรมนอกจากใช้งานเพื่อปูพื้นแล้ว ยังนำมาประดับตกแต่
แขวนไว้ตามผนัง โดยพรมนับเป็นหัตถกรรมที่มีชื่อเสียงของเติร์กเมนิสถาน ปัจจุบันการผลิตพรมโดย
มาก มักผลิตเพื่อการค้า
ศิลปกรรม
ลักษณะงานศิลปกรรมมีทั้งที่เป็นศิลปกรรมในศาสนาอิสลาม และศาสนาคริสต์ สถาปัตยกรรม
อิสลามเน้นที่มีซุ่มประตูสูงใหญ่ ทรงสี่เหลี่ยม เจาะช่องทางเข้าเป็นซุ่มโค้งปลายแหลมขึ้น ประดับตก
แต่ง ด้วยกระเบื้องสี หรือเขียนลวดลายด้วยสี สถาปัตยกรรมในสาสนาคริสต์เป็นอาคารสูงเพรียว มี
ยอดแหลมสูง อาจมีหลายยอด ตกแต่งอย่างสวยงามในรายละเอียดต่างๆ
เทศกาล และประเพณี
ส่วนมากเป็นเทศกาลทางศาสนาอิสลามเช่น เทศกาลเฉลิมฉลองฤดูใบไม้ผลิ เทศกาลรอม
ฎอน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีประเพณีท้องถิ่นคือ ในเดือนเมษายน มีการฉลองม้า Akilteken มีขบวนพาเหรด และการแข่งม้า ในอาทิตย์ที่
2 ของเดือนสิงหาคม เป็นวัน Bakshi เป็นเทศกาลของเพลงพื้นเมือง และอาทิตย์สุดท้ายของเดือน
ธันวาคม เป็นเทศกาลเก็บเกี่ยว
การแต่งกาย
ผู้ชายสวมชุดสูทที่เรียบง่ายหรือเสื้อแจ็คเก็ต และเนคไทก็เหมาะสมดีแล้ว แต่ในการประชุมพบ
ปะกับหน่วยงานราชการ อาจเลือกชุดสูทที่เป็นทางการขึ้น
สำหรับผู้หญิงสวมชุดสูท กระโปรงชุด หรือเสื้อกับกระโปรงก็เหมาะสม
🍪🍪🍪🍪🍪🍪🍪🍪🍪🍪🍪🍪🍪🍪🍪🍪🍪🍪🍪
↽อารยธรรมไทย⇀
ประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นภาคีในอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก
(State Party of the World Heritage Convention) เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๓๐ และ
เคยได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการมรดกโลก (World Heritage Com
mittee) มาแล้ว ๓ ครั้ง คือ ครั้งแรกระหว่างปี พุทธศักราช ๒๕๓๒ – ๒๕๓๘ ครั้งที่สอง
ระหว่างปี พุทธศักราช ๒๕๔๐ – ๒๕๔๖ และครั้งล่าสุดระหว่างปี พุทธศักราช ๒๕๕๒
– ๒๕๕๖
ปัจจุบันประเทศไทยมีแหล่งมรดกโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว ๕ แห่ง ดังนี้

แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม ๓ แห่ง
1 อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย และกำแพงเพชร ได้รับการประกาศ
ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร จากการ
ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ ๑๕ เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๓๔ ที่เมือง
คาร์เทจ ประเทศตูนิเซีย
ที่ตั้งและลักษณะทางกายภาพ
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตั้งอยู่ที่ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัด
สุโขทัย ห่างจากตัวจังหวัดไปทางทิศตะวันออก ๑๒ กิโลเมตร ตั้งอยู่บนพื้นที่ลานตะพัก
มีลักษณะผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีกำแพงเมืองสลับกับคูน้ำล้อมรอบ ๓ ชั้น มีแนว
เทือกเขาประทักษ์อยู่ทางด้านทิศตะวันตก ส่วนทางด้านทิศตะวันออกมีคลองแม่ลำพัน
ไหลผ่าน ซึ่งจะไหลไปลงสู่แม่น้ำยมที่อยู่ห่างออกไปประมาณ ๑๒ กิโลเมตร

อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ตั้งอยู่ที่อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย มีระยะ
ห่างจากอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยไปทางทิศเหนือประมาณ ๖๐ กิโลเมตร ตั้งอยู่บน
ที่ราบเชิงเขาริมแม่น้ำยมทางฝั่งตะวันตก ลักษณะผังเมืองเป็นรูปหลายเหลี่ยมโค้งตามลำ
น้ำ มีกำแพงเมืองและคูเมืองล้อมรอบ

อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ตั้งอยู่ที่อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพง
เพชร มีระยะห่างจากอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยไปทางทิศใต้ประมาณ ๗๐ กิโลเมตร
อยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปิง ลักษณะผังเมืองเป็นรูปคล้ายสี่เหลี่ยมคางหมูวางแนว
ยาวขนานกับลำน้ำปิง มีกำแพงเมืองและคูเมืองล้อมรอบ

คุณค่าแห่งความเป็นมรดกโลก
ปัจจุบันสุโขทัย ศรีสัชนาลัย และกำแพงเพชร เป็นเมืองโบราณที่ปรากฏร่องรอย
หลักฐานของอารยธรรมอันรุ่งเรืองในอดีต สะท้อนให้เห็นภาพของอาณาจักรสุโขทัยใน
ความเป็น “รุ่งอรุณแห่งความสุข” เป็นต้นกำเนิดของประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ได้พัฒนาเป็น
รัฐสำคัญของภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ในระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๘ – ๒๐ เป็นเวลานาน
ประมาณ ๒๐๐ ปี ด้วยความโดดเด่นนี้เองส่งผลให้เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมือง
บริวาร ได้รับการอนุรักษ์และพัฒนาให้เป็นอุทยานประวัติศาสตร์และได้รับการขึ้นทะเบียน
ไว้ในบัญชีรายชื่อแหล่งมรดกโลก เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๓๔ ด้วยคุณค่าความโดดเด่น
มรดกโลก สุโขทัย ศรีสัชนาลัย และกำแพงเพชร ในปัจจุบัน
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย และกำแพงเพชร ในปัจจุบันได้รับการ
อนุรักษ์และพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ มีลักษณะ
การใช้พื้นที่ทั้งส่วนที่เป็นโบราณสถานที่ได้รับการดูแลโดยกรมศิลปากร และพื้นที่ข้าง
เคียงซึ่งที่อยู่อาศัยของชุมชนท้องถิ่น โดยกำหนดและจัดสรรการใช้ประโยชน์พื้นที่อย่าง
ชัดเจน รวมทั้งควบคุมสิ่งก่อสร้างและการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ โดยคณะกรรมการพิจารณา
การอนุญาตให้ปลูกสร้างอาคารและใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตโบราณสถาน ร่วมกันพิจารณา
เพื่อนำเสนอความเห็นต่ออธิบดีกรมศิลปากรผู้อำนาจในการอนุญาต ปัจจุบันชุมชนที่ตั้งอยู่
ในพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์เริ่มขยายตัวพร้อมๆ กับการพัฒนาที่ไม่สอดคล้องกับแนวทาง
ของเมืองประวัติศาสตร์และเป็นเมืองมรดกโลก เช่น การสร้างอาคาร สิ่งก่อสร้างต่างๆ
ขึ้นภายในเขตเมืองเก่า ตลอดจนบดบังทัศนียภาพ หรือสภาพภูมิทัศน์ ทำให้ขาดความ
สง่างามและคุณค่าของโบราณสถาน รวมทั้งการขาดหน่วยงานที่ต้องดำเนินการ ด้าน
อนุรักษ์การอย่างพอเพียง ดังนั้นจึงต้องสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน ให้ตระหนักใน
คุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรม และช่วยกันดูแลรักษาให้เป็นมรดกที่ทรงคุณค่าตกทอดไป
สู่อนุชนรุ่นหลังสืบไป
2 อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดก
จากการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ณ กรุงคาร์เธจ ประเทศตูซิเนีย เมื่อวัน
ที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๓๔อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ที่ เกาะเมือง อำเภอ
พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งตั้งอยู่ในเขตที่ราบลุ่มภาคกลางตอนล่าง
ของประเทศไทย อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางทิศเหนือ ๗๖ กิโลเมตรตัวเกาะเมือง
ซึ่งเป็นศูนย์กลางของกรุงศรีอยุธยาในอดีต ถูกล้อมรอบด้วยแม่น้ำสำคัญ ๓ สายคือ
แม่น้ำลพบุรีด้านทิศเหนือ แม่น้ำป่าสักด้านทิศตะวันออก และแม่น้ำเจ้าพระยาด้านทิศ
ตะวันตกและทิศใต้ ทำให้มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะสมต่อการเกษตรกรรมอันเป็นพื้น
ฐานของการตั้งถิ่นฐาน เป็นชุมทางคมนาคมที่เอื้อต่อการค้าทั้งภายในและภายนอก ทำให้
กรุงศรีอยุธยาเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการค้าที่มีความสำคัญของภูมิภาคเอเชีย
และของโลกระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๒๐ - ๒๓

พระราชวังโบราณ

วัดพระศรีสรรเพชญ์

วัดมหาธาตุ

วัดราชบูรณะ

วัดพระราม

วิหารพระมงคลบพิตร

พระราชวังจันทรเกษม

วัดสุวรรณดาราราม

วัดพนัญเชิง

วัดใหญ่ชัยมงคล

วัดไชยวัฒนาราม

วัดวรเชษฐาราม

วัดภูเขาทอง

วัดหน้าพระเมรุ

เพนียดคล้องช้าง

วัดพุทไธศวรรย์

ปราสาทนครหลวง
คุณค่าแห่งความเป็นมรดกโลก
นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาในปัจจุบัน ยังคงปรากฏร่องรอยแห่งความเจริญ
รุ่งเรืองของศิลป-วัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ งดงาม และทรงคุณค่า สะท้อนให้รำลึกถึงภาพ
ความโอ่อ่าสง่างามของปราสาทราชวังวัดวาอาราม ป้อมปราการ บ้านเรือนที่อยู่อาศัย
ตลอดจนวิถีชีวิตของชาวกรุงศรีอยุธยาในอดีต นครประวัติศาสตร์แห่งนี้เป็นหลักฐานแสดง
ถึงความชาญฉลาดของชุมชนหนึ่ง นับตั้งแต่การเลือกที่ตั้งชุมชนในบริเวณที่มีแม่น้ำสาม
สายมาบรรจบกัน เพื่อให้เป็นแหล่งอาหาร และแหล่งเกษตรกรรมอันอุดมสมบรูณ์ พร้อม
ไปกับเป็นปราการธรรมชาติในการป้องกันข้าศึกศัตรูจากภายนอก นอกจากนั้นผลงานด้าน
สถาปัตยกรรม จิตรกรรม ประติมากรรม ประณีตศิลป์ และวรรณกรรม ยังเป็นประจักษ์พยาน
แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดของอารยธรรมแห่งชุมชนหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออก
เฉียงใต้ในช่วงเวลาระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๙-๒๔ อีกด้วยหลักฐานแห่งอารยธรรมของ
ชาวกรุงศรีอยุธยาส่งผลให้นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ได้รับการเชิดชูคุณค่าไว้
ในบัญชีรายชื่อแหล่งมรดกโลก ในประพุทธศักราช ๒๕๓๔ ด้วยหลักเกณฑ์มาตรฐานข้อที่
๓ ดังนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ใน
ปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว
มรดกโลกอยุธยา ในปัจจุบัน
ปัจจุบันนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยากำลังมีกาารขยายตัวทางกายภาพอย่าง
มาก โดยมีการขยายเมือง เพื่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัยต่าง ๆ การสร้างอาคารที่บดบัง
ทัศนียภาพที่สวยงาม เป็นการทำลายคุณค่าของโบราณสถาน ตลอดจนการพัฒนาของ
ถนนหนทางภายในเขตเมือง เพื่อรองรับการคมนาคมที่นักท่องเที่ยวต่างมาเยี่ยมชม
อุทยานประวัติ-ศาสตร์ ทำให้เขตพัฒนาเป็นไปอย่างไร้ทิศทางของการอนุรักษ์มรดกทาง
วัฒนธรรม เช่น การสร้างเสาไฟรูปนางหงส์ ที่กระจายอยู่โดยทั่วของใจกลางเมืองพระนครศรีอยุธยา ปัญหาของขยะมูลฝอย การสร้างบ้านพัก ที่อยู่อาศัย บ้านจัดสรร อยู่
โดยรอบโบราณสถาน และการถมคูคลองต่าง ๆ เป็นต้น
ดังนั้นหากอุทยานประวัติศาสตร์นครศรีอยุธยาไม่ได้รับการเอาในใส่ดูแลจากหน่วยงาน
ต่าง ๆ โดยเฉพาะท้องถิ่นที่ต้องมีความเข้าใจในการพัฒนาเมืองที่เป็นเมืองเก่า ที่มีความ
สำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติ จะต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดความ
เสียหาย และทำลายคุณค่าของความเป็นเมืองเก่าที่ได้รับการยอมรับเป็นเมืองมรดกโลก
ก็อาจจะทำให้เมืองเก่าแห่งนี้ถูกลดถอยความสำคัญในอนาคตได้
3 แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง
ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี พุทธศักราช ๒๕๓๕ จากการประชุม
คณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๑๖ ที่เมืองแซนตาเฟ ประเทศสหรัฐอเมริกา
แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง เป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญแห่งหนึ่ง อยู่ที่อำเภอหนองหาน
จังหวัดอุดรธานี ที่ทำให้รับรู้ถึงการดำรงชีวิตในสมัยก่อนประวัตศาสตร์ ย้อนหลังไปกว่า
๔,๓๐๐ ปี ร่องรอยของมนุษย์ในประเทศไทยสมัยดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมที่มี
พัฒนาการแล้วในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านความรู้ความสามารถหรือภูมิปัญญา อันเป็น
เครื่องมือสำหรับช่วยให้ผู้คนเหล่านั้นสามารถดำรงชีวิต และสร้างสังคมวัฒนธรรมของ
มนุษย์ได้สืบเนื่องต่อกันมาเป็นระยะเวลายาวนาน วัฒนธรรมบ้านเชียง ได้ครอบคลุมถึง
แหล่งโบราณคดีในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกกว่าร้อยแห่งเป็นบริเวณพื้นที่ที่มีมนุษย์
อยู่อาศัยหนาแน่นมาตั้งแต่หลายพันปีแล้ว ด้วยเหตุนี้เององค์การยูเนสโก ของสหประชา
ชาติจึงได้ยอมรับขึ้นบัญชีแหล่งวัฒนธรรมบ้านเชียงไว้เป็นแห่งหนึ่งในบรรดามรดกโลก

ผลการวิเคราะห์หลักฐานทางโบราณคดีจากบ้านเชียงที่มีอยู่ แสดงให้เห็นว่าวัฒนธรรม
บ้านเชียงเริ่มต้นขึ้นเมื่อราว ๕,๖๐๐ ปีมาแล้ว และมีความต่อเนื่องมาจนถึงราว ๑,๘๐๐
ปีมาแล้ว ในช่วงระยะเวลายาวนานนับพันๆ ปีของวัฒนธรรมบ้านเชียงได้มีการเปลี่ยนแปลง
ด้านต่าง ๆ ตลอดเวลา ซึ่งสะท้อนออกมาให้เห็นทั้งในด้านพฤติกรรมและวัตถุเนื่องใน
วัฒนธรรมซึ่งได้แก่ ประเพณีการฝังศพ และภาชนะดินเผา

คุณค่าแห่งความเป็นมรดกโลก แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง เป็นปรากฎการณ์สำคัญ
ของอารยธรรมสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่มีความโดดเด่นที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก
เฉียงใต้ เป็นตัวแทนวิวัฒนาการด้านวัฒนธรรม สังคม และเทคโนโลยี ที่มีความเจริญรุ่ง
เรืองสืบทอดยาวนานกว่า ๕,๐๐๐ ปี ในช่วงเวลาระหว่าง ๓,๖๐๐ ปีก่อนคริสตศักราชถึง
คริสตศักราช ๒๐๐ แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ได้รับการขึ้นทะเบียนไว้ในทะเบียนบัญชี
รายชื่อแหล่งมรดกโลกแห่งอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก เมื่อปี พุทธศักราช ๒๕๓๕ ด้วย
คุณค่าและความโดดเด่นตามหลักเกณฑ์มาตรฐานข้อที่ ๓ ดังนี้
“เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน
หรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว”
มรดกโลก บ้านเชียง ในปัจจุบัน
ด้วยคุณค่าและความสำคัญของแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ได้สร้างความเปลี่ยนแปลง
หลายสิ่งหลายอย่างแก่ชุมชนในปัจจุบัน บ้านเชียงได้กลายเป็นหมู่บ้านมีชื่อเสียงเป็นที่รู้
จักอย่างแพร่หลายในฐานะแหล่งมรดกโลก ด้านวิชาการ ข้อมูล และโบราณวัตถุจำนวน
มหาศาลได้รับการวิเคราะห์แปลความ โดยนักโบราณคดีที่ทำการศึกษาตามหลักวิชาการ
แต่อย่างไรก็ตามแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงได้ถูกลักลอบขุดค้น และซื้อขายในตลาด
มืดกันอย่างมากมาย โดยทางราชการก็ได้ใช้มาตรการทางกฏหมาย เช่น พระราชบัญญัติ
โบราณสถาน โบราณวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พุทธ-ศักราช ๒๕๓๕
รวมถึงประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๘๙ที่ห้ามการขุดค้นในพื้นที่บ้านเชียงและบริเวณโดย
รอบ ปัจจุบันชุมชนบ้านเชียง ได้มีขยายตัวและพัฒนาอย่างรวดเร็ว เช่น การสร้างบ้าน
เรือนที่อยู่อาศัย จึงต้องเร่งกำหนดขอบพื้นที่ที่ชัดเจนและครอบคลุม เพื่อรักษาแหล่ง
โบราณคดีบ้านเชียง มิให้ถูกทำลายหลักฐานทางด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี ดังนั้นการ
สร้างความรู้ความเข้าใจ และความร่วมมือร่วมใจกันของทุกองค์กร ทั้งภาครัฐ และภาคเอก
ชน เพื่อช่วยกันอนุรักษ์แหล่งโบราณคดีที่มีความสำคัญแห่งนี้ไว้ให้เป็นมรดกตกทอดต่อ
อนุชนรุ่นหลังต่อไป
คุณค่าแห่งความเป็นมรดกโลก แหล่งมรดกโลกเขาใหญ่ ดงพญาเย็นนั้น
เป็นผืนป่าที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง โดยมีสภาพป่าแบบต่างๆ ตั้งแต่ ป่าดงดิบ
ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ และทุ่งหญ้า
พื้นที่ตรงผืนป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นั้น เคยได้รับการเสนอชื่อขึ้นไปครั้งหนึ่งแล้ว
เมื่อปี พุทธศักราช ๒๕๓๓แล้ว ซึ่งในขณะนั้นได้เสนอแหล่งธรรมชาติอีก ๓ แหล่งสู่ที่
ประชุมองค์การยูเนสโกเพื่อพิจารณา คือ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เขตรักษาพันธุ์สัตวป่า
ทุ่งใหญ่ -ห้วยขาแข้ง และอุทยานแห่งชาติตะรุเตา และปรากฏว่าเขตรักษาพันธุ์สัตวป่า
ทุ่งใหญ่ - ห้วยขาแข้ง ได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกเพียงแห่งเดียว ด้วยเหตุที่ว่าอุท
ยานแห่งชาติที่เหลือทั้ง ๒ แห่งนั้นเล็กเกินไป และยังมีนโยบายที่ไม่แน่นอนและไม่เพียง
พอ

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นแหล่งที่มีชนิดพันธุ์ของพืชและสัตว์ที่ไม่สามารถพบได้ที่
อื่นเป็นจำนวนมาก โดยในจำนวนพืชราว ๑๕,๐๐๐ ชนิดที่พบในประเทศไทย สามารถพบ
ในแหล่งมรดกโลกนี้ถึง ๒,๕๐๐ ชนิด มีพืชเฉพาะผืนป่านี้ถึง ๑๖ ชนิด มีสัตว์ป่ากว่า ๘๐๐
ชนิด สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ๑๑๒ ชนิด สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำกว่า ๒๐๙ ชนิด
นกกว่า ๓๙๒ ชนิด และเงือก ๔ ชนิด ใน ๖ ชนิดที่พบในประเทศไทย
🐽🐽🐽🐽🐽🐽🐽🐽🐽🐽🐽🐽🐽🐽🐽🐽🐽🐽🐽🐽🐽🐽🐽🐽
อารยธรรมอิสลาม
อารยธรรมอิสลาม เป็น อารยธรรมที่เป็นผลมาจากอิทธิพลของศาสนาอิสลาม อารยธรรม
อิสลามมีแหล่งกำเนิดในคาบสมุทรอาระเบีย ต่อมาได้ถูกเผยแผ่ไปยังภูมิภาคอื่นๆของ
ทวีปเอเชีย แอฟริกา และยุโรป ผ่านการค้า การสงคราม และการเผยแผ่ศาสนาอิสลาม
โดยพวกนักสอนศาสนาที่เดินทางไปยังดินแดนต่างๆอารยธรรมอิสลามที่สำคัญ เช่น
สถาปัตยกรรม จิตรกรรม วิทยาการความรู้แขนงต่างๆ ทั้งคณิตศาสตร์ แพทย์ศาสตร์
ภูมิศาสตร์อักษรศาสตร์ ปรัชญา เป็นต้น
จุดเด่นของอารยธรรมอิสลามมีดังต่อไปนี้
1. อารยธรรมด้านการศรัทธา คือการศรัทธาต่ออัลลอฮ์ ต่อคัมภีร์ของพระองค์ ต่อศาสน
ทูตของพระองค์อารยธรรมอิสลาม เมื่อนำเอาการศรัทธามาเป็นพื้นฐานหลัก แน่นอน
ย่อมมีเป้าหมายในคุ้มครองดูแลสถานภาพของตัวเอง ด้วยกำแพงแห่งความเที่ยงธรรมใน
ด้านจิตวิญญาณ โดยเฉพาจรรยาบรรณอันทรงเกียรตินั้นถือได้ว่าเป็นสารัฐถะหรือแก่แท้
ของศาสนาที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า เพราะจะไม่มีผลดีใด ๆ ในวิทยาการที่ไร้ซึ่งจรรยา
ซึ่งทุกศาสนาที่มาจากอัลลอฮ์นั้น ย่อมมีความสอดคล้องกันในการใช้ให้ปฏิบัติคุณงาม
ความดีหลีกหนีจากกระทำความชั่ว การศรัทธาในอิสลามนั้น ไม่ได้ขัดกับสติปัญญา
เพราะอิสลามได้ดำเนินอยู่บนพื้นฐานของการใช้สติปัญญาในเรื่องศรัทธาไปจนกระทั่งการ
ศรัทธานั้นเด็ดเดี่ยวมั่นคง ถึงแม้ว่าอารยธรรมอิสลามจะเน้นเรื่องการศรัทธา แต่มันมิได้ยกเลิก
หรือละเลย ในเรื่องของวัตถุ แถมยังให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่เนื่องจากมันเป็นสิ่งสำคัญ
ในการสร้างความเจริญ
2. อารยธรรมด้านความเจริญก้าวหน้า ไม่มีการชะงักงันและไม่ล้าหลัง อิสลามได้ให้กำเนิด
อารยธรรมนี้ขึ้นมา และได้เจริญเติบโตขึ้น ด้วยการต่อต้านสิ่งอธรรม การเอารัดเอาเปรียบ
การชะงักงัน ความล้าหลัง อิสลามมิได้ห้ามมุสลิมนำเอาสิ่งใหม่ ๆ หากสิ่งนั้นไม่ขัดต่อศาสนา
รูปแบบ จริยธรรมของอิสลาม คำกล่าวอ้างของผู้ที่ต้องการทำลายอิสลามที่กล่าวว่าการศรัทธา
นั้นขัดต่อเป้าหมายความยุติธรรมของสังคม คำอ้าง ดังกล่าวนั้นมันไม่เป็นความจริง แท้จริงรูป
แบบความยุติธรรมของสังคมจะไม่สมบูรณ์ นอกจากจะอยู่ภายใต้ร่มเงาของการศรัทธาเท่านั้น
อันศาสนาที่มาจากพระผู้เป็นเจ้านั้น ทุกศาสนาเรียกร้องไปสู่การเห็นอกเห็นใจกัน
คนมั่งมีจะต้องจุนเจือคนขัดสนหรือ คนยากจนอนาถา ด้วยเหตุนี้อิสลามจึงบัญญัติการจ่ายซากาต
เหนือมุสลิมที่มีความสามารถ
3. อารยธรรมที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่นและเปิดกว้าง กล่าวคืออารยธรรมอิสลามมิได้ปิดตัวเอง
ทว่าเป็นอารยธรรมที่ยืดหยุ่น มีทั้งการให้และการรับ อารยธรรมอิสลามได้ให้เกียรติต่อมรดก
ของกลุ่มกราบไหว้รูปปั้น ในวิชาและศิลปะแขนงต่างๆ และไม่ได้ยึดติดอยู่กับมรดกเหล่านั้น
เพียงแต่วัตถุเหมือนกับการกระทำของบาทหลวงของคริสในช่วงแรกของสมัยกลาง
อารยธรรมอิสลามเล็งเห็นถึงผลประโยชน์ที่มีอยู่ในมรดกของอารยธรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
อารยธรรมของกรีก เปอร์เซีย อินเดียและอารยธรรมอื่น ๆ ในขณะเดียวกันอารยธรรมอิสลาม
มีจุดยืนที่ประนีประนอมต่อ อารยธรรมของยิว และคริสเตียน
4. อารยธรรมที่รักสันติ ภายใต้ร่มเงาของสันติภาพนั้น เกิดการก่อสร้าง การประดิษฐ์
และการบูรณะ และภายใต้สันติภาพเช่นกัน มนุษย์รู้สึกถึงความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และ
ครอบครัว ซึ่งเป็นผลที่นำไปสู่การงาน การผลิตอย่างมั่นคง อิสลามจะทักทายกันด้วยสัน
ติภาพ แท้จริงนักวิจัยได้ความเห็นที่สอดคล้องกันว่า ประเทศและภูมิภาคใดก็ตามได้ปกครอง
โดยอิสลาม และได้เติบโตภายใต้อารยธรรมอิสลาม ชีวิตของราษฎรในประเทศหรือภูมิภาค
เหล่านั้น จะอยู่อย่างเรียบง่าย ปลอดภัย อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ของ
พวกเขา กระทั่ง นักบูรพาคดีบางคนได้ให้ความสมญานามว่า สันติภาพคืออิสลาม
ถึงแม้ว่าอิสลามจะมีความยึดมั่นกับวิญญาณแห่งสันติภาพ แต่ก็มิได้ขัดต่อการรักษาไว้ซึ่ง
ผลประโยชน์ของมุสลีมีน
หลักธรรมที่สำคัญของศาสนาอิสลาม
หลักธรรมที่สำคัญของศาสนาอิสลาม
หลักธรรมที่สำคัญของศาสนาอิสลาม ที่สำคัญได้แก่
1. หลักศรัทธา 6 ประการ คำว่าศรัทธาสำหรับชาวมุสลิม หมายถึง ความเชื่อมั่นด้วยจิตใจ
โดยปราศจากการระแวงสงสัยหรือการโต้แย้งใดๆ หลักศรัทธาในศาสนาอิสลามมี 6 ประการ
คือ
1) ศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า ชาวมุสลิมต้องศรัทธาต่อพระอัลลอฮ์แต่เพียงพระองค์เดียว
2) ศรัทธาในบรรดามลาอีกะฮฺ ว่ามีจริง คำว่า “มลาอีกะฮฺ” หมายถึง ทูตสวรรค์หรือเทวทูตขอพระเจ้า เป็นคนกลางระหว่างพระเจ้ากับศาสดา เป็นวิญญาณที่มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้
3) ศรัทธาในคัมภีร์อัลกุรอาน
4) ศรัทธาในบรรดาศาสนทูต ในคัมภีร์อัลกุรอานกล่าวถึงศาสนทูตว่ามีทั้งหมด 25 ท่าน ท่าน
แรก คือ นบีอาดัม และท่านสุดท้ายคือ นบีมุฮัมมัด
5) ศรัทธาในวันพิพากษา มุสลิมต้องเชื่อว่าโลกนี้ไม่จีรัง ต้องมีวันแตกสลายหรือมีวันสิ้นโลก
6) ศรัทธาในกฎสภาวะ (ลิขิต) ของพระเจ้า ชาวมุสลิมเชื่อว่าพระเจ้าได้ทรงกำหนดกฎอัน
แน่นอนไว้ 2ประเภท คือ กฎที่ตายตัว เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ทุกสิ่งเป็นไปตามพระประสงค์ของ
พระเจ้า เช่น การถกำเนิดชาติพันธุ์ รูปร่างหน้าตา ฯลฯ และกฎที่ไม่ตายตัว เป็นกฎที่ดำเนิน
ไปตามเหตุผล เช่นทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วซึ่งพระเจ้าได้ประทานแนวทางชีวิตที่ดีงามพร้อมกับ
สติปัญญาของมนุษย์ ดังนั้นมุสลิมทุกคนต้องพยายามทำให้ดีที่สุด
2. หลักปฏิบัติ 5 ประการ หลักปฏิบัติ คือ พิธีกรรมเพื่อให้เข้าสู่ความเป็นมุสลิมโดยสมบูรณ์
ซึ่งชาวมุสลิมต้องปฏิบัติศาสนกิจพร้อมทั้ง 3 ทาง คือ กาย วาจา และใจ อันถือเป็นความภักดี
ตลอดชีวิต หลักปฏิบัติ 5 ประการ มีดังนี้
1) การปฏิญาณตน ชาวมุสลิมทุกคนต้องปฏิญาณตนยอมรับความเป็นพระเจ้าองค์เดียวของ
พระอัลลอฮ์และยอมรับในความเป็นศาสนทูตของท่านนบีมุฮัมมัด
2) การละหมาด การทำละหมาด หมายถึงการนมัสการพระเจ้าทั้งร่างกายและจิตใจวันละ 5
ครั้ง ได้แก่ เวลาก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เวลากลางวัน เวลาบ่าย เวลาพลบค่ำ และเวลากลางคืน
การทำละหมาดเริ่มเมื่ออายุได้10 ขวบ จนถึงขั้นสิ้นชีวิต ยกเว้นหญิงขณะมีรอบเดือน
3) การถือศีลอด คือการละเว้น ยับยั้งและควบคุมตน โดยงดการบริโภคอาหาร น้ำดื่ม และร่วม
ประเวณี ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกดินเป็นเวลา 1 เดือน ในเดือนรอมฎอน
(เดือน 9 ทางจันทรคติของอิสลาม) การถือศีลอดเป็นหน้าที่ของชาวมุสลิมทุกคนที่อายุครบ
15 ปี เป็นต้นไป แต่ผ่อนผันในกรณีหญิงขณะมีรอบเดือนและหลังคลอด บุคคลในระหว่างเดิน
ทาง หญิงมีครรภ์ แม่ลูกอ่อน บุคคลที่มีสุขภาพไม่ปกติ มีโรคภัย คนชรา และบุคคลที่ทำงาน
หนัก
4) การบริจาคซะกาต หมายถึง การบริจาคทรัพย์เพื่อขัดเกลาจิตใจของผู้บริจาคให้สะอาด
บริสุทธิ์ลดความตระหนี่ ความเห็นแก่ตัว ให้มีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
5) การประกอบพิธีฮัจญ์ หมายถึง การเดินทางไปประกอบศาสนกิจหรือจาริกแสวงบุญ ณ
วิหารอัลกะฮ์ และสถานที่ต่างๆ ในนครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในช่วงเวลาที่กำหนด
โดยให้ปฏิบัติเฉพาะบุคคลที่มีความสามารถเท่านั้น
☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻☻
↽อารยธรรมอมอไรต์⇁
ชาวอมอไรท์หรือชาวบาบิโลเนีย ประมาณปี 2000 ก่อนคริสตกาล อมอไรท์เป็นเซมิติค
เร่ร่อนจากซีเรียเข้ารุกรานดินแดนตะวันตกของอัคคัต ภายใต้การนำของฮัมมูราบี
(Hummurabi 1792-1750 B.C.) กษัตริย์องค์ที่ 6 ของอมอไรท์ ได้รวมดินแดนซูเมอร์-อัคคัต
เข้าด้วยกัน ก่อตั้งจักรวรรดิบาลิโลเนียครั้งที่หนึ่งขึ้น (The First Babylonian Empire) ที่เมือง
บาบิโลน (Badylon) บนฝั่งแม่น้ำยูเฟรตีส เป็นเมืองหลวงสมัยของกษัตริย์ฮัมมูราบี คือ ยุค
ทองของจักรวรรดิบาบิโลนบาบิโลนเข้มแข็งขึ้นตามลำดับจนได้เป็นนครใหญ่ของอาณาจักร
เมโสโปเตเมียทั้งหมด ต่อมาเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายว่าจักรวรรดิบาบิโลเนีย พวกบาบิโลน
สามารถเอาชนะบรรดาเพื่อนบ้านคือพวกอัคคาเดียนและสุเมเรียนได้พระเจ้าฮัมมูราบี
ทรงเป็นกษัตริย์ที่สามารถรวบรวมดินแดนแม่น้ำไทกริส - ยูเฟรตีส เข้าไว้ในอำนาจแต่
เพียงผู้เดียว และสถาปนารัฐบาลที่เข้มแข็งขึ้นปกครองบาบิโลนซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเพียง
เมืองเล็กๆ ที่ไม่มีความหมายนักกลายเป็นศูนย์กลางของนักปราชญ์ราชบันฑิตเป็นจักรวรรดิ
บาบิโลเนียแรก
พระเจ้าฮัมมูราบี
ประมวลกฎหมายของฮัมมูราบี
การร่างประมวลกฎหมาย (Hammurabi Code) พระเจ้าฮัมมูราบีทรงเป็นที่รู้จักในฐานะเป็น
ผู้สร้างประมวลกฎหมายเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ สังคม และจริยธรรมแห่งชีวิต ทรงกล่าว
ถึงวัตถุประสงค์ในการจัดทำประมวลกฎหมายว่า “เพื่อผดุงความยุติธรรมให้คงอยู่ในแผ่น
ดิน ทำลายคนชั่วและคนร้าย ป้องกันคนแข็งแรงข่มเหงคนที่อ่อนแอกว่า...และเพื่อพัฒนา
สวัสดิการสำหรับประชาชน”ประมวลกฎหมายนี้จารึกอยู่บนแผ่นดินไดโดไรท์สีดำ ขนาด
สูง 8 ฟุต จารึกด้วยอักษร Cuniform ประมวลกฎหมายนี้ประดิษฐ์ไว้ในวิหารของเทพมาร์
คุด (marduk) ซึ่งเป็นเทพสูงสุดของบาบิโลน ต่อมาทีมนักโบราณคดีฝรั่งเศสขุดพบที่
ประเทศอิรัก ในช่วงฤดูหนาวปี 1901 ถึง 1902 หินสลักนี้แตกเป็น 3 ชิ้น และได้รับ
การบูรณะ ตอนบนของแผ่นหินมีรูปแกะสลักภาพเทพเจ้ากำลังประทาน ประมวลกฎหมาย
ให้แก่ ฮัมมูราบี ปัจจุบัน ประมวลกฎหมายฮัมมูราบีอยู่ในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ กรุงปารีส แผ่นหิน
นี้นับเป็นโบราณวัตถุที่มีค่ายิ่งในทางประวัติศาสตร์ เพราะข้อความในประมวลกฎหมาย
สะท้อนให้เห็นถึงสภาพของสังคม Babylonia ในสมัยนั้นเป็นอย่างดี ทำให้เราทราบว่า
Babylonia ประกอบขึ้นด้วยคนชั้น
กฎหมายฮัมมูราบี
กฎหมายของฮัมมูราบี
1. คล้ายกฎหมายของพวกสุเมเรียน คือ อาศัยหลัก Lex talionis คือ ใช้ลัทธิสนอง
ตอบ คือ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” (An eye for an eye , a tooth for a tooth)
2. มีความเปลี่ยนแปลงไปจากกฎหมายของพวกสุเมเรียน คือ การให้ความ
ยุติธรรมนั้นต้องเป็นหน้าที่ของรัฐ (การให้ความยุติธรรมในสมัยแรกเริ่มนั้นเป็นหน้าที่
ของบุคคล)
3. ให้สิทธิแก่สตรี สตรีมีสิทธิฟ้องสามีได้
4. การค้าขายจะต้องได้พระบรมราชานุญาต จำกัดกำไรให้เพียง 20%
5. กำหนดเวลาการตกเป็นทาสหนี้สินเพียง 3 ปี
ทั้งนี้เป็นเพราะนอกจากจะทรงสามารถในการรบและการปกครองเป็นผลให้
จักรวรรดิขยายกว้างใหญ่ไพศาล ฮัมมูราบีปรับปรุงอารยธรรมสุเมเรียนให้ดีขึ้น และใน
ที่สุดจักรวรรดิ บาบิโลนก็ได้เริ่มเสื่อมลงเป็นลำดับภายหลังการสิ้นพระชนม์ของฮัมมู
ราบีเพราะ
1.กษัตริย์ผู้สืบทอดต่อมาไร้ความสามารถในการปกครองและการรบ เป็นผลให้กลุ่มชน
ภายใต้ การปกครองของอะมอไรท์ดำเนินการแยกตนเป็นอิสระ
2.ประมาณปี 1590 ก่อนคริสตกาล ฮิตไตท์ชนชาตินักรบจากเอเซียไมเนอร์ เข้ารุกรานมุ่ง
ยึด กรุงบาบิโลนแต่ไม่สำเร็จ
3. การก่อกวนของเฮอเรีย (Hurrians) แห่งอาณาจักรมิทานมิ (Mitanni) อาณาจักรนี้ตั้งอยู่
ทางตอนเหนือของลุ่มแม่น้ำยูเฟรตีส
4. งบประมาณปลายศตวรรษที่ 16 ก่อนคริตกาล คัสไซส์ (Kassites) อนารยชน
จากเทือกเขา ใกล้ดินแดนเปอร์เซียตะวันตกเข้ารุกรานและโค่นอำนาจอะมอไรท์ได้สำเร็จ
😃😃😃😃😃😃😃😃😃😃😃😃😃
รายชื่อผู้จัดทำ
ด.ญ.ฐิติยาภรณ์ ศรีสุนทร ม.2/2 เลขที่17
ด.ญ.ฐิติรัตน์ ฐิติเมธาพร ม.2/2 เลขที่ 18
ด.ญ.ธนีนท์ชนก ภูริพงศ์ชนะกิจ ม.2/2 เลขที่ 22
ด.ญ.ศิริลักษณ์ สนจุ้ย ม.2/2 เลขที่ 36